Blog


ประโยชน์ของการเรียนรู้นอกห้องเรียน - Ms. Usoa Delgado
December 18, 2019, 3:47 pm

ด้วยตัวฉันฉันเกิดและเติบโตในเขตพื้นที่ชนบท ดังนั้นฉันจึงคุ้นชินกับบรรยากาศของฟาร์มและอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดมา เมื่อสมัยที่ฉันเป็นเด็กก็ยังจดจำได้ดีว่าสนุกสนานไปกับการกิจกรรมต่างๆตามธรรมชาติได้มากมายขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังเขตภูเขาเพื่อเก็บใบไม้มาแข่งขันล่องลอยไปในในแม่น้ำหรือแม้กระทั่งการออกตามไล่เจ้าแมลงก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว ที่พ่อและยายของฉันได้พร่ำสอน เช่น เห็ดมีพิษและพืชพรรณชนิดต่างๆ ข้อควรระวังการสัมผัสพืชบริเวณใดหากไม่อยากให้โดนงูกัด เป็นต้น

แต่ในโลกปัจจุบันนี้โอกาสที่เด็กๆ จะได้เข้าถึง สภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติหรือเรียนรู้ใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งลดน้อยลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้เวลาทำกิจกรรมการเรียนรู้กลางแจ้งหรือนอกห้องเรียนน้อยลง เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจราจร การก่ออาชญากรรมหรือความกังวลในเรื่องอื่นๆ ของผู้ปกครอง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความทันสมัยมากขึ้นกลับได้ลดจำนวนพื้นที่สีเขียวให้มีขนาดน้อยลง การเรียนรู้แบบใกล้ชิดธรรมชาติได้ลดน้อยลงไปในขณะที่การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาททดแทนมากขึ้น และด้วยเหตุผลอีกมากมายทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคน มีความเห็นตรงกันว่าโรงเรียนควร ส่งเสริมการศึกษา เพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อย่างเช่นกิจกรรมการเรียนรู้กลางแจ้งหรือนอกห้องเรียนให้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าความรู้ภายในห้องเรียนจะมีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการศึกษาสำหรับเด็ก แต่จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมนอกห้องเรียนจะช่วยให้เด็กๆสามารถเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นมากกว่าการเรียนรู้ภายในห้องเรียนแค่เพียงอย่างเดียว การศึกษาเรียนรู้ไม่ได้จำกัดแค่เพียงพื้นที่ห้องเรียนสี่เหลี่ยมอีกต่อไป แต่การศึกษาเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่และสภาพแวดล้อมอื่นใดก็ตาม นอกจากการพัฒนาการด้านวิชาการที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถช่วยให้เด็กๆมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพในอนาคตและเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้มากมายเลยทีเดียว

การใช้เวลาตามธรรมชาติมอบโอกาสที่ดีในการทำงานและเรียนรู้ร่วมกันกับการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันต้องการจะให้เจ้าจิ้งหรีดออกมาจากหลุมของมัน ฉันใช้เวลาไปมากมายเพื่อรอและพยายามคิดหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร จนกระทั่งเมื่อฉันได้ใช้เวลานั่งลงสังเกตเห็นชัดว่าพวกมันชอบกินหญ้า ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาของฉันจึงใช้หญ้าเป็นการหลอกล่อให้เจ้าจิ้งหรีดเดินออกมาจากหลุม แน่นอนว่าฉันจำได้แม่นว่าการแก้ไขปัญหาในครั้งนั้น ฉันไม่มั่นใจในวิธีคิดของตัวเองเอาเสียเลย แต่เมื่อฉันได้ทบทวนแล้วว่าวิธีการดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงหรืออันตรายต่อตัวฉันอย่างใด ฉันจึงเลือกที่จะตัดสินใจทำมันลงไปและผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาในครั้งนั้นก็คือการ ประสบความสำเร็จ สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับจิ้งหรีดในครั้งนี้ ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ออกไปผจญภัยครั้งใหม่และค้นพบธรรมชาติร่วมกับพี่สาวและครอบครัวของฉันเสมอ

นอกเหนือจากการส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและการประเมินความเสี่ยงที่ได้รับจากการเรียนรู้กลางแจ้งหรือนอกห้องเรียนแล้ว ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาความยืดหยุ่นและการปรับตัวในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เป็นครั้งคราว ดังเช่นเมื่อครั้งที่ฉันได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้เวลานอกบ้านประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวันและฉันจำได้ดีว่าออกอุณหภูมิภายนอกตัวบ้านพักนั้นหนาวถึง -20 องศา คนฟินแลนด์มักพูดว่า “ไม่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแต่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม” ฉันเก็บข้อคิดจากคำกล่าวนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการจัด การเรียนการสอน และเตรียมอุปกรณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กนักเรียนของฉัน ตัวอย่างเช่น ในช่วงฤดูหนาวหากเรามอบอุปกรณ์ที่เหมาะสมให้กับเด็กๆ พวกเขาก็จะสามารถใช้เล่นในหิมะ สามารถใช้สร้างกระท่อมน้ำแข็งเล็กๆ ด้วยก้อนน้ำแข็งหรือการขุดหาหญ้า หรือในวันที่ฝนตกหากเรามอบอุปกรณ์ที่เหมาะสม พวกเขาก็สามารถนำมาใช้เล่นสร้างปราสาทโคลน หรือแม้กระทั่งการกระโดดข้ามแอ่งน้ำ ในบางครั้งแม้ว่าเงื่อนไขอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยเด็กๆ ทุกคนสมควรที่จะได้รับความสุขในทุกโอกาสมากเท่าที่จะมีได้ การที่พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับฤดูกาลที่แตกต่างกัน จะสามารถสร้างแรงจูงใจและได้รับประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับการเรียนรู้อยู่เสมอ นอกจากนี้การศึกษากลางแจ้งยังช่วยปลูกฝังค่านิยมให้เด็กๆ มีความรักและให้ความเคารพต่อธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วการรักธรรมชาติจะช่วยให้เราเข้าใจว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสำคัญต่อเราทุกคนบนโลกมากมายขนาดไหน และสิ่งที่ธรรมชาติจะมอบให้เรานั้น เราจะได้รับประโยชน์ในด้านสุขภาพในเชิงบวก ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างมากมาย

ด้วยเหตุผลทั้งหมดเหล่านี้ที่ โรงเรียนนานาชาติไอเอสซี ฉันจึงชอบที่จะนำนักเรียนออกไปทำกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นในช่วงการเรียนรู้ด้านศิลปะ วาดรูป ระบายสี นั่งลงเล่าเรื่อง ล้อมวงนั่งสนทนา บางครั้งเราก็ทำกิจกรรมทานอาหารปูเสื่อปิกนิกร่วมกัน หรือแม้กระทั่งในช่วงที่ต้องการให้นักเรียนแต่ละคนผ่อนคลายอารมณ์ แค่ให้พวกเขาได้นั่งลงบนพื้นหญ้า นั่งรับลมเย็นๆ นั่งลงนิ่งๆ เพื่อให้ความตึงเครียดต่างๆ ค่อยๆลดหายลงไป เห็นได้ชัดว่าพื้นที่สีเขียวที่โรงเรียนไอเอสซีของเรานั้นมีความเหมาะสมสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยที่นักเรียนสามารถได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างมากมายเลยทีเดียว