Blog


เคล็ดลับการรับมือตัวป่วนวัย Terrific Twos - Ms. Nikol Hellebrandova
September 4, 2019, 11:02 am

การทำงานกับเด็กในช่วงวัยนี้นับเป็นประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา เด็กในช่วงวัย 2-3 ขวบนี้มีความอ่อนหวาน กล้าหาญและใจร้อนในเวลาเดียวกัน และพฤติกรรมของพวกเขาก็ไม่ได้น่าหวั่นใจหรือตามที่ใครบางคนพูด บางครั้งมันออกจะเป็นการกระทำที่ยอดเยี่ยมด้วยซ้พ! ในช่วงวัยนี้การเรียนรู้และพฤติกรรมของพวกเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและหัวเราะคิกคัก แต่บางครั้งภายใต้ความน่าตื่นเต้นที่พวกเขาได้สัมผัสก็อาจจะนำความปั่นป่วนเล็กๆมาให้เราได้สัมผัสอยู่ตลอดเวลา  ในช่วงวัยนี้พวกเขาจะได้รับอิสรภาพและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองรวมไปถึงสิ่งต่างๆรอบตัวพวกเขาได้ตลอดทั้งวัน พวกเขาจึงคอยแอบสังเกตและเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอว่า ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจะเปลี่ยนจากการรับรู้เป็นหัวใจสำคัญของเรียนรู้ เนื่องจากพวกเขาสามารถเสริมสร้างและพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น ทางด้านสังคม อารมณ์ ความรู้ความเข้าใจและพร้อมกันกับเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะด้านร่างกายของพวกเขาไปพร้อมกับกระบวนการดังกล่าวนี้อีกด้วย

สำหรับช่วงวัยนี้ทำให้พวกเขาไม่ใช่ช่วงวัยแรกเกิดอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่ช่วงวัยเด็กก่อนวัยเรียน พวกเราสามารถเรียกพวกเขาได้ว่าเป็นเช่วงวัยหัดเดิน ในฐานะที่ดิฉันเป็นคุณครูของเด็กในวัยนี้ทำให้ดิฉันได้สังเกตการเรียนรู้และเติบโตจากพวกเขาในแต่ละวัน เด็กในช่วงวัยนี้ต้องอาศัยการวิธีการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่แตกต่างจากห้องเรียนอนุบาลที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3-4 ขวบ สำหรับนักเรียนในช่วงวัยนี้ เราเรียกว่า นักเรียนระดับชั้น EY1 ซึ่งชั้นเรียนนี้จะเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาถูกแยกจากพ่อแม่ของ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาทักษะด้านอารมณ์และสังคม เนื่องจากพวกเขาจะทำความรู้จักกับเพื่อนๆที่เป็นเด็กในช่วงวัยเดียวกัน ซึ่งตรงนี้จะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของดิฉันในฐานะคุณครูที่จะคอยดูแลให้ความใส่ใจ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยนี้ของพวกเขาพร้อมกับครอบครัวผู้ปกครองของพวกเขาด้วยมีความราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และมากกว่าการดูแลในฐานะครู เราสามารถเป็นทั้งพี่เลี้ยงเด็กและสนับสนุนทักษะพัฒนาการด้านต่างๆของพวกเขาไปพร้อมๆกัน และในช่วงวัยนี้แม้ว่าเด็กหลายคนยังต้องการขวดนมตอนก่อนนอน รวมไปถึงการพักผ่อนนอนหลับในช่วงบ่าย บางคนขี้อาย บางคนพูดเก่งและบางคนพูดน้อยเนื่องจากยังไม่มีคลังคำศัพท์เพียงพอที่จะแสดงออกด้วยวาจา หรือแม้กระทั่งบางคนยังคงสวมใส่ผ้าอ้อมในขณะที่เด็กในวัยเดียวกันคนอื่นบางคนก็เริ่มฝึกทักษะการเข้าใช้ห้องน้ำด้วยตัวเองได้แล้วก็ตาม  เห็นได้ชัดว่าเด็กในช่วงวัยนี้มีลักษณะและบุคลิก รวมไปถึงความต้องการที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามหัวใจหลักสำคัญที่พวกเขาทุกคนต้องการก็คือความสนใจและความรักของเรา

สำหรับการทำความรู้จักกับนักเรียนของเราในช่วงวัยนี้ การสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจนั้นนับเป็นหัวใจสำคัญและเป้าหมายหลัก การตระหนักรับรู้พฤติกรรมและความต้องการของเด็กแต่ละคนจะช่วยให้เราสามารถเตรียมแผนการสอนที่ดีได้ หากคุณมีโอกาสได้มาเยี่ยมชมห้องเรียนของเรามันอาจจะดูเหมือนว่าเด็กๆ ทุกคนทำงานในโครงการศิลปะเดียวกัน ฟังนิทานเรื่องเดียวกันหรือเล่นของเล่นประเภทเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเราสร้างสรรค์กิจกรรมให้กิจกรรมการเรียนรู้มีความครอบคลุมกับเด็กทุกคนแต่แต่ก็ยังสามารถใช้รายละเอียดในกิจกรรมนั้นๆ เช่น การใช้คำถามที่แตกต่าง การแสดงบทบาทสมมติในเรื่องเล่าที่แตกต่าง การใช้คำศัพท์ที่เหมาะสม เพื่อขยายขอบเขตการเรียนรู้ให้เป็นไปตามความชอบส่วนบุคคลของเด็กแต่ละคนได้ในเวลาเดียวกัน

สำหรับหนึ่งวันในชั้นเรียน EY1 (วัยเตรียมอนุบาล) การเรียนการสอนในแต่ละวันที่เราได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบจะช่วยให้เราสร้างชุมชนห้องเรียนที่สอดคล้องกัน กิจวัตรประจำวันจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาความสามารถของเด็กๆ ในการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง คุณจะเห็นได้ว่าเมื่อนักเรียนของเรามาถึงห้องเรียนพวกเขาเรียนรู้ที่จะวางกระเป๋าไว้ในชั้นเก็บของที่ระบุชื่อพวกเขาพร้อมกับสัญลักษณ์เรขาคณิต ซึ่งแต่ละคนจะได้รับรูปร่างและสีที่มีความแตกต่างกันไป กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่สร้างทักษะการจดจำ แต่ยังช่วยสนับสนุนทักษะคณิตศาสตร์และทักษะการอ่านออกเขียนได้พร้อมกันได้ด้วย สำหรับโต๊ะแต่ละโซนเราจัดเตรียมไว้เพื่อเสริมสร้างทักษะต่างๆ เช่น ด้านศิลปะ ด้านพัฒนาประสาทสัมผัส ด้านคณิตศาสตร์ มุมหนังสือรวมไปถึงมุมของเล่นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการต่างๆ แหล่งเรียนรู้ต่างๆเหล่านี้เปิดโอกาสให้สามารถสังเกตความชอบของนักเรียนได้เป็นรายบุคคล รวมไปถึงถามคำถามส่วนตัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้เราได้รับความไว้วางใจจากพวกเขาอีกด้วย ซึ่งระยะเวลาในการเลือกทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเช้าเราจะเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละคนเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าพวกเขาจะใช้เวลาเรียนรู้ด้วยตัวเองนานเท่าใด หรือเลือกที่จะทำกิจกรรมดังกล่าวพร้อมกันกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนนานเท่าใด จากนั้นเมื่อเห็นเวลาที่สมควรก็จะให้พวกเขาทุกคนได้ทำกิจกรรมกลุ่มที่ห้องดนตรี หลังเสร็จสิ้นก็จะเป็นช่วงการพักทานอาหารว่างในช่วงเช้าพอดี

สภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียนของ ISC ได้รับการออกแบบอย่างระมัดระวังเพื่อรับประกันความปลอดภัย พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของเด็กนักเรียนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีอายุน้อยที่สุดเราก็จัดเตรียมพื้นที่ธรรมชาติ เช่น สนามหญ้าและบ่อทราย มีเครื่องเล่นที่เป็นไปตามความเหมาะสมของแต่ละช่วงวัย เช่น บ้านจำลอง ชิงช้า สไลด์ เหรือแม้กระทั่งในวันที่ฝนตกก็ยังมีการจัดเตรียมกิจกรรมที่เหมาะสมไว้ให้กับพวกเขาในบริเวณศาลาหรือโรงอาหารอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงวัยนี้สนามเด็กเล่นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียนของเรา เราเปิดประตูให้นักเรียนได้วิ่งเล่นหรือออกกำลังกายหลายครั้งต่อวัน ทั้งนี้เพื่อสุขภาพของพวกเขาเองและเป็นโอกาสดีที่ให้พวกเขาได้สัมผัสธรรมชาติและการเรียนรู้นอกห้องเรียนบ้าง นอกจากนี้เรายังร่วมกันร้องเพลงและเต้นรำ ได้ใช้เวลาแบ่งปันเรื่องราวระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเสริมทักษะอื่นๆ เช่น ศิลปะ เล่นกับน้ำ ปีนป่าย กระโดดโลดเต้น เตะบอล เล่นในบ่อทรายหรือในบ้านจำลอง การสร้างสิ่งของต่างๆตามจินตนาการด้วยตัวต่อเสริมพัฒนาการอีกด้วย

สำหรับชั้นเรียนของเราเพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างทั่วถึงจึงแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย เมื่อกลุ่มแรกเรียนรู้ทักษะจากคุณครูผู้สอนเฉพาะทาง เช่น ศิลปะ ดนตรี ว่ายน้ำ วัฒนธรรมไทย
อีกกลุ่มหนึ่งก็จะทำกิจกรรมร่วมกับคุณครูประจำชั้น ซึ่งกิจกรรมในแต่ละวันนั้นก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน เช่น การทำอาหาร การเรียนรู้เชิงคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ บทบาทสมมติ เรื่องเล่าผ่านหุ่นมือ ซึ่งในชั้นเรียนของฉันผู้ปกครองสามารถเลือกให้เป็นการเรียนรู้แบบครึ่งวันและเต็มวันได้ ดังนั้นเมื่อหลังทานอาหารกลางวันเสร็จก็จะมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน และนักเรียนอีกกลุ่มที่ใช้เวลาทำกิจกรรมเพิ่มเติมในช่วงบ่ายและพักผ่อน ในระหว่างกิจกรรมช่วงบ่ายที่จะเป็นการเล่าเรื่อง ทำให้นักเรียนหลายคนเผลอหลับไปในขณะที่ฟังเรื่องราวหรือเมื่อพวกเขาได้รับการนวดบริเวณมือ เท้าหรือหลังด้วยความนุ่มนวลจากเรา

การกอดเป็นพฤติกรรมที่สามารถสื่อสารความรู้สึกและความอุ่นได้อย่างดีสุดตามทำธรรมชาติ ดังนั้นเราจึงกอดนักเรียนแต่ละคนก่อนที่จะส่งพวกเขากลับบ้าน ชั้นเรียนของฉันก็เปรียบเหมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง เราแบ่งปันความรักและความรู้สึกดีให้กันและกัน เราเรียนรู้ที่จะดูแลและให้ความเคารพกันกันและกัน ฉันเชื่อมั่นอยู่เสมอว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ดิฉันรู้สึกดีไปกว่าการได้ยินเด็กนักเรียนวิ่งเข้ามากอดฉันพร้อมกับตะโกนว่า ผม/หนูอยู่นี่ๆ ในทุกๆเช้า